วิธีสร้างผลกำไร จากกองทุนรวม หากคุณยังคงจดๆ จ้องๆ กับการลงทุนในกองทุนรวม เพราะนึกไม่ออกว่าจะทำเงินจากกองทุนรวมอย่างไร ให้ได้ผลตอบแทนสูง วันนี้เราขอนำเสนอ 4 วิธี การสร้างกำไรจากกองทุนรวม ดังต่อไปนี้

1. ใช้กองทุนรวมเป็นที่พักเงินแทนบัญชีออมทรัพย์

ใครที่ยังฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ลองพิจารณาขยับขยาย เงินไปไว้ในกองทุนรวม ที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนพันธบัตรระยะสั้น และกองทุนรวมตลาดเงินกันไหมครับ เกณฑ์การเลือกกองทุน คือ ให้หากองทุน ที่มีนโยบายรักษาเงินต้น โดยอาจให้ผลตอบแทนประมาณ 0.7-1.5% ต่อปี* มาพิจารณาเลือกกองทุน

ซึ่งการลงทุนกับกองทุนรวม นับว่าให้ผลตอบแทนสูง กว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ที่ให้ดอกเบี้ยประมาณ 0.5% ต่อปี รวมถึงพิจารณาในส่วนของสภาพคล่อง มีหลายกองทุนที่โอนเงินค่าขายหน่วยลงทุนใน วันที่ T+1 คือ ขายกองทุนวันนี้ เงินเข้าบัญชีในวันรุ่งขึ้น ซึ่งนับว่ามีสภาพคล่องสูงทีเดียว

*ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงาน ในอนาคต ที่มา บลจ. กรุงศรี

2. เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยกองทุนรวม

ข้อดีของกองทุนรวม คือ เปิดโอกาสให้นักลงทุน สามารถลงทุนได้ด้วยเงินทุน จำนวนไม่สูงนัก เช่น กองพักเงิน ที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือเงินฝาก เริ่มต้นที่ 1,000 บาท หรือ จะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป โดยผ่านกองทุนรวม ที่มีนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนที่ มีประสบการณ์และความรู้ ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุนรวม ให้ได้ผลตอบแทนสูง ทำให้เราสามารถลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป จากการซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวมที่ มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป มูลค่าการซื้อขั้นต่ำที่ 2,000 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้น จังหวะเวลาในการเข้าซื้อกองทุน และอัตราแลกเปลี่ยน ก็มีผลต่อกำไรที่เราจะได้รับเช่นกัน

3. ซื้อกองทุนรวมประเภทมีเงินปันผล

หลายกองทุน เน้นนโยบายการจ่ายเงินปันผล โดยผลกำไรที่กองทุนทำได้ในระหว่างปี จะถูกจัดสรรและจ่ายคืน ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน เป็นอัตราร้อยละตามที่กำหนดไว้ ในนโยบายกองทุน ในระหว่างการถือครองหน่วยลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุน จะได้รับเงินปันผล รวมทั้งในกรณีที่ขายคืนหน่วยลงทุน จะได้กำไรจากส่วนต่าง ของมูลค่าหน่วยลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น

ดังนั้น การคำนวณผลตอบแทน ที่ได้รับจากกองทุนรวม ที่เน้นการจ่ายปันผล นอกจากจะพิจารณา ถึงมูลค่าหน่วยลงทุนแล้ว ยังควรนำเงินปันผลที่ได้รับในระหว่างปีมาคำนวณด้วย กองทุนที่เน้นจ่ายปันผล เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบซื้อขาย ไม่อยากติดตามราคาขึ้นลง ของหน่วยลงทุนมากนัก เพียงแค่ซื้อแล้วถือรับปันผลไปเรื่อย ๆ

อีกหนึ่งผลประโยชน์ จากกองทุนรวม กำไรส่วนต่างที่ได้จากการขายกองทุนนั้น ไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นส่วนของเงินปันผล ที่ต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย 10%

4. รับประโยชน์ทางภาษีผ่านการลงทุนในกองทุน LTF/ RMF

สำหรับใครที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ ที่จะต้องเสียภาษี การลงทุนในกองทุนรวม หุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เป็นการสร้างกำไรสองต่อ ต่อแรก คือ การนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษี ในปีที่มีการลงทุน ต่อที่สอง คือ ส่วนต่างของมูลค่าหน่วยลงทุน ของราคาในวันที่ขาย กับราคาซื้อ ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ ทั้งกำไรและขาดทุน

หากผู้ลงทุนต้องการรับผลประโยชน์ทางภาษี จะต้องทำตามข้อกำหนดและเงื่อนไข ของสรรพากรในด้านระยะเวลาการถือครอง โดยกองทุน LTF นั้น ผู้ลงทุนจะไถ่ถอนได้ เมื่อถือหน่วยลงทุนครบ 7 ปีปฏิทิน ส่วนกองทุน RMF จะไถ่ถอนได้เมื่อผู้ถือหน่วยลงทุน มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และมีการลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนขายคืน

หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วจะซื้อกองทุนเมื่อไหร่ดี ในเมื่อราคาหน่วยลงทุนวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวัน ตามราคาในตลาดหุ้น หนึ่งในวิธีง่าย ๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง คือ แบ่งเงินลงทุน และซื้อหน่วยลงทุนทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน หรือที่เรียกว่า DCA (Dollar Cost Averaging) ด้วยวิธีนี้ เราจะได้ซื้อหน่วยลงทุนในราคากลาง ๆ ถึงจะไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน

หวังว่า 4 วิธีสร้างประโยชน์ จากกองทุนรวมให้ได้ผลตอบแทนสูง ที่เราหยิบมาแนะนำ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ ที่เริ่มลงทุนในกองทุนรวมนะครับ

แม้การลงทุนกับกองทุนรวม จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ก่อนตัดสินใจลงทุน อ่านเพิ่มเติม พาธุรกิจ SME ประสบความสำเร็จ กับ 6 แนวทาง

ศึกษาเรื่องการลงทุนแล้ว อย่าลืมดูสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกกันด้วยนะครับ ความขัดแย้งของ อินเดีย – จีน สู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

บทความแนะนำ